ข่าวเศรษฐกิจ

เมื่อวันที่ 15 ตุลาคม 2554 ที่ประชุม G-20 เรียกร้องให้ประเทศในยูโรโซน (Euro zone) เร่งแก้ไขวิกฤตการเงินโดยเร็ว พร้อมทั้งควรประกาศมาตรการที่ชัดเจนในการประชุม EU Summit ซึ่งจะจัดขึ้นในวันที่ 23 ตุลาคม 2554 เนื่องจากวิกฤตดังกล่าวเป็นปัจจัยเสี่ยงสำคัญต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจโลก ทั้งนี้ นาย François Baroin รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังของฝรั่งเศสซึ่งรับหน้าที่เป็นประธานในการประชุมดังกล่าวประกาศว่าฝรั่งเศสและเยอรมนีใกล้บรรลุมาตรการป้องกันการลุกลามของวิกฤตหนี้สาธารณะของกรีซสู่ภาคธนาคาร ซึ่งครอบคลุมถึงการขยายวงเงินกองทุนภายใต้สำนักงานกำกับเสถียรภาพการเงินยุโรป (European Financial Stability Facility : EFSF) เพื่อเพิ่มความช่วยเหลือทางการเงินแก่ประเทศในยูโรโซนที่ประสบวิกฤตการเงินในอนาคตเป็น 440 พันล้านยูโร จากเดิมที่ 250 พันล้านยูโร รวมทั้งการเร่งอัดฉีดเงินเข้าสู่ธนาคารพาณิชย์ต่างๆ ซึ่งจะได้รับผลกระทบจากปัญหาผิดนัดชำระหนี้ของกรีซ โดยมีรายงานว่าธนาคารพาณิชย์แต่ละแห่งปรับลดมูลหนี้ (Write Down) ของกรีซไม่เท่ากัน อาทิ BNP Paribas และ Royal Bank of Scotland Plc อยู่ที่ 21% และ 50% ตามลำดับ นอกจากนี้ ที่ประชุม G-20 ยังเห็นพ้องในมาตรการส่งเสริมสภาพคล่อง และคงไว้ซึ่งระดับเงินทุนที่เหมาะสมของธนาคารพาณิชย์ต่างๆ ทั่วโลก อย่างไรก็ตาม ที่ประชุมฯ โดยเฉพาะสหรัฐฯ ไม่เห็นด้วยกับการเพิ่มเงินทุนของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (International Monetary Fund : IMF) เพื่อรับมือกับวิกฤตการเงิน โดยนาย Timothy Geithner รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังของสหรัฐฯ กล่าวว่าปัจจุบันเงินทุนดังกล่าวมีมูลค่า 390 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งถือว่าเป็นระดับที่เหมาะสม (Bloomberg, WSJ Online, ผู้จัดการออนไลน์, 14-16 ต.ค. 2554)