ข่าวเศรษฐกิจ
นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า สถานการณ์การลงทุนปี 2561 มีนักลงทุนยื่นขอรับการส่งเสริมการลงทุนจากสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) จำนวน 1,626 โครงการ เพิ่มขึ้น 3% จากปี 2560 มูลค่าลงทุนรวม 9 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้น 43% ซึ่งสูงกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ที่ 7.2 แสนล้านบาท เนื่องจากช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี 2561 มีโครงการลงทุนขนาดใหญ่ในกลุ่มอุตสาหกรรมปิโตรเคมีและเคมีภัณฑ์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม รวมถึงยานยนต์หลายรายมายื่นขอรับการส่งเสริมในกิจการผลิตรถยนต์พลังงานไฟฟ้า (อีวี) ที่มาตรการจะสิ้นสุดในปี 2562 สำหรับภาพรวมโครงการที่ขอรับส่งเสริมการลงทุนปี 2561 อยู่ในกลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมายใหม่ 84% คิดเป็นมูลค่าลงทุนกว่า 7.6 แสนล้านบาท ประกอบด้วย อุตสาหกรรมดิจิทัล การแพทย์ ปิโตรเคมีและเคมีภัณฑ์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม หุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติ และอากาศยาน มูลค่าลงทุนรวม 5.4 แสนล้านบาท และกลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมายเดิม ประกอบด้วย อุตสาหกรรมการเกษตรและเทคโนโลยีชีวภาพ เครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ ยานยนต์และชิ้นส่วน ท่องเที่ยว และแปรรูปอาหาร มูลค่าลงทุนรวม 2.2 แสนล้านบาท ขณะที่ภาพรวมยอดคำขอและจำนวนโครงการที่ขอรับการส่งเสริมการลงทุนในปี 2561 แบ่งเป็น โครงการในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) 422 โครงการ มูลค่าลงทุนรวม 6.8 แสนล้านบาท เป็นคำขอลงทุนใน จ.ชลบุรี มากที่สุด 193 โครงการ มูลค่าลงทุนรวม 5.8 แสนล้านบาท รองลงมาคือ จ.ระยอง 156 โครงการ มูลค่าลงทุนรวม 5.9 หมื่นล้านบาท และ จ.ฉะเชิงเทรา 73 โครงการ มูลค่าลงทุน 4.8 หมื่นล้านบาท ทั้งนี้ บีโอไอตั้งเป้าหมายคำขอรับการส่งเสริมลงทุนในปี 2562 ที่ 7.5 แสนล้านบาท สูงกว่าเป้าหมายเดิมในปี 2561 ไม่มาก เนื่องจากประเมินว่า ปี 2562 ยังมีปัจจัยเสี่ยงจากเศรษฐกิจโลกที่เริ่มชะลอตัว (โพสต์ทูเดย์, 10 ม.ค. 2562)