ข่าวเศรษฐกิจ
สมาคมผู้ส่งออกเครื่องประดับเงินไทย คาดว่ามูลค่าส่งออกเครื่องประดับเงินปี 2561 จะขยายตัวราว 3-5% ด้วยแรงหนุนของผู้ส่งออกรายใหญ่ที่มีศักยภาพการแข่งขัน สามารถผลักดันให้มูลค่าส่งออกขยายตัว ขณะที่ผู้ส่งออก SMEs ที่มีจำนวนราว 35% ของจำนวนผู้ส่งออกเครื่องประดับเงินทั้งหมด คาดว่ายังต้องเผชิญปัญหาหลายด้าน อาทิ พ่อค้าคนกลางที่รับซื้อสินค้าจากผู้ประกอบการ SMEs ไทยเพื่อไปขายต่อ เริ่มหยุดสั่งซื้อสินค้า เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจของคู่ค้าปลายทางไม่ดีนัก โดยเฉพาะตลาดยุโรป เครื่องประดับเงินส่งออกของไทยไม่ได้สิทธิพิเศษทางภาษี หรือ GSP ทำให้มีราคาจำหน่ายสูงกว่าคู่แข่ง ขณะเดียวกันประเทศผู้นำเข้าออกมาตรการใหม่ โดยกำหนดให้โรงงานผลิตเครื่องประดับต้องผ่านการตรวจสอบมาตรฐานโรงงานเสียก่อนจึงจะสามารถผลิตและส่งสินค้าไปจำหน่ายได้ อีกทั้ง พระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 ที่กำหนดให้ผู้ผลิตและผู้ส่งออกเครื่องประดับเงินต้องส่งรายละเอียดของผู้ซื้อหรือผู้นำเข้าให้กับสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน เมื่อผู้ซื้อสั่งซื้อสินค้าในมูลค่าตามที่กฎหมายกำหนดไว้ ซึ่งคาดว่าจะเป็นอุปสรรคต่อผู้ประกอบการไทยในการขอข้อมูลของลูกค้าจากต่างประเทศ พร้อมกันนี้ สมาคมฯ ตั้งข้อสังเกตว่าในอดีตตลาดเครื่องประดับเงินโลกไทยมีอินเดียเป็นคู่แข่งสำคัญ แต่ล่าสุดหลายประเทศหันมาทำตลาดเครื่องประดับเงินมากขึ้น อาทิ เวียดนาม กัมพูชา จีน และเมียนมา โดยเฉพาะเครื่องประดับเงินของเวียดนามที่ได้สิทธิ์ GSP และเครื่องประดับเงินส่งออกของจีนที่มีราคาจำหน่ายถูกกว่าเครื่องประดับเงินไทย (ประชาชาติธุรกิจ, 8-11 ก.พ. 2561)