ข่าวเศรษฐกิจ
นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ลงนามบังคับใช้มาตรการเรียกเก็บภาษีนำเข้า เพื่อปกป้องผู้ผลิตสินค้าในสหรัฐฯ จากผู้ผลิตสินค้าในเอเชีย อาทิ จีน เกาหลีใต้ และไทย ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2561 มีรายละเอียดสำคัญ ดังนี้
แผงพลังงานแสงอาทิตย์ (โซลาร์เซลล์) ปีที่ 1 เรียกเก็บภาษี 30% ปีที่ 2 (25%) ปีที่ 3 (20%) ปีที่ 4 (15%)
เครื่องซักผ้าขนาดใหญ่สำหรับใช้ในที่พักอาศัย
ภายใน 1.2 ล้านเครื่องแรก ปีที่ 1 เรียกเก็บภาษี 20% ปีที่ 2 (18%) ปีที่ 3 (16%)
มากกว่า 1.2 ล้านเครื่อง ปีที่ 1 เรียกเก็บภาษี 50% ปีที่ 2 (45%) ปีที่ 3 (40%)
3) ส่วนประกอบเครื่องซักผ้า
ปีที่ 1 เก็บภาษี 50% กับส่วนประกอบเครื่องซักผ้านำเข้าส่วนที่เกิน 50,000 หน่วย
ปีที่ 2 เก็บภาษี 45% กับส่วนประกอบเครื่องซักผ้านำเข้าส่วนที่เกิน 70,000 หน่วย
ปีที่ 3 เก็บภาษี 40% กับส่วนประกอบเครื่องซักผ้านำเข้าส่วนที่เกิน 90,000 หน่วย
ล่าสุดหน่วยงานที่เกี่ยวข้องออกมาสะท้อนปัญหาและชี้แนะแนวทางแก้ปัญหา ดังนี้ นายณัฐพร จาตุศรีพิทักษ์ โฆษกประจำรองนายกรัฐมนตรี คาดว่าสถานการณ์ดังกล่าวจะยังไม่ส่งผลกระทบต่อไทยในระยะสั้น เนื่องจากไทยไม่ได้เป็นฐานการผลิตหลักของสินค้าทั้งสองรายการ โดยพบว่าฐานการผลิตโซลาร์เซลล์สำคัญอยู่ที่จีน และฐานการผลิตเครื่องซักผ้าอยู่ที่เม็กซิโก ขณะที่กรมการค้าต่างประเทศ แนะนำให้ผู้ประกอบการไทยปรับตัวหันไปขยายตลาดส่งออกใหม่ๆ เพื่อแก้ปัญหาส่วนแบ่งตลาดสหรัฐฯ ที่อาจจะได้รับผลกระทบจากมาตรการดังกล่าว สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (TDRI) คาดว่ามาตรการดังกล่าวจะเป็นจุดเริ่มต้นของการบังคับใช้มาตรการกีดกันทางการค้าของสหรัฐฯ โดยคาดว่าจะมีการบังคับใช้มาตรการเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะกับประเทศที่ได้ดุลการค้ากับสหรัฐฯ อาทิ จีน ญี่ปุ่น และไทย (กรุงเทพธุรกิจและโพสต์ทูเดย์, 25 ม.ค. 2561)