ข่าวเศรษฐกิจ
ดร.อรรชกา สีบุญเรือง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม และในฐานะประธานคณะกรรมการเร่งรัดนโยบายเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษในรูปแบบคลัสเตอร์ เปิดเผยว่า จากที่รัฐบาลมีนโยบายเร่งรัดการลงทุนในรูปแบบคลัสเตอร์ หรือ 10 กลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมาย โดยจะต้องยื่นขอรับการส่งเสริมการลงทุนกับ BOI ภายในสิ้นปี 2559 และเปิดดำเนินการภายในปี 2560 จึงจะได้รับสิทธิประโยชน์สูงสุด พบว่า ในช่วง 7 เดือนแรกของปี 2559 มียอดยื่นขอรับการส่งเสริมการลงทุนเพียง 1.28 แสนล้านบาท ซึ่งยังไม่เป็นที่น่าพอใจนัก ดังนั้น ในช่วงเวลาที่เหลือของปี ทางกระทรวงฯ ร่วมกับ BOI จะหารือกับผู้ประกอบการที่แสดงความสนใจจะลงทุนก่อนหน้านี้ให้เร่งดำเนินการเร็วที่สุด โดยเฉพาะกลุ่มอุตสาหกรรมปิโตรเคมีและเคมีภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งแสดงความสนใจที่จะลงทุนราว 3.6 แสนล้านบาท ในพื้นที่จังหวัดระยองและชลบุรี แต่ปัจจุบันมียื่นเข้ามาเพียง 1.84 หมื่นล้านบาท ซึ่งการที่กลุ่มปิโตรเคมียื่นคำขอเข้ามาน้อยส่วนหนึ่งเป็นเพราะความกังวลเรื่องปัญหาผังเมืองในพื้นที่มาบตาพุด จังหวัดระยอง รวมถึงมาตรฐานการปล่อยควันพิษที่ยังไม่มีความชัดเจน นอกจากนี้ ดร.อรรชกา ได้เปิดเผยว่า คณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้เห็นชอบในหลักการโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (อีอีซี) โดยจะมีพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) เขตเศรษฐกิจพิเศษด้านการลงทุนในพื้นที่ชายฝั่งทะเลขึ้นมารองรับการจัดตั้ง ทั้งนี้ ทางกลุ่มอุตสาหกรรมปิโตรเคมีได้ให้ความเห็นว่าเม็ดเงินลงุทนในกลุ่มปิโตรเคมีที่อยู่ในระดับต่ำ เนื่องจากทาง BOI ไม่ได้นำยอดการยื่นขอรับการส่งเสริมการลงทุนของกลุ่มฯ ในช่วงปลายปี 2558 มานับรวมด้วย โดยทางกลุ่ม บมจ. พีทีทีโกลบอล เคมีคอล ได้ยื่นขอรับส่งเสริมการลงทุนไปตั้งแต่ช่วงปลายปี 2558 เกือบ 1 แสนล้านบาท แล้ว จึงคาดว่าจะมีโครงการที่ยังไม่ได้ยื่นขอส่งเสริมอีกกว่า 2 แสนล้านบาทเท่านั้น ซึ่งหากรัฐบาลแก้ไขปัญหาอุปสรรคต่างๆ ได้ และการประกาศจัดตั้งอีอีซีมีความชัดเจน คาดว่าเอกชนที่เหลือ เช่น กลุ่ม SCG และ ปตท. น่าจะยื่นขอรับการส่งเสริมการลงทุนในช่วงเวลาที่เหลือได้ (ฐานเศรษฐกิจ, 14-17 ส.ค. 2559)