ข่าวเศรษฐกิจ
การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เปิดเผยว่า ในการทบทวนแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศปี 2561-2580 (PDP 2018) ที่จะเกิดขึ้น กฟผ. มีแผนจะผลักดันโรงไฟฟ้าพลังน้ำแบบสูบกลับเข้ามาอยู่ในแผนอีกครั้ง หลังจากที่ก่อนหน้านี้ถูกตัดออกจากแผนไปเนื่องจากมีต้นทุนสูง แต่เนื่องจากปัจจุบันการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น จึงจำเป็นต้องวางระบบสำรองการผลิตไฟฟ้า เพราะการผลิตไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนมีความไม่แน่นอน โดยเฉพาะโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์และพลังงานลม โรงไฟฟ้าพลังน้ำแบบสูบกลับจึงเป็นตัวเลือกสำคัญในการช่วยบริหารจัดการพลังงานหมุนเวียน ซึ่งปัจจุบัน กฟผ. ได้ศึกษาศักยภาพในการสร้างโรงไฟฟ้าพลังน้ำแบบสูบกลับ 2 แห่ง (เขื่อนจุฬาภรณ์และเขื่อนศรีนครินทร์ (ส่วนเพิ่ม)) นอกเหนือจากที่ดำเนินการอยู่แล้ว 3 แห่ง (เขื่อนภูมิพล เขื่อนศรีนครินทร์ และโรงไฟฟ้าลำตะคองชลภาวัฒนา) อย่างไรก็ตาม การวางระบบโรงไฟฟ้าแบบสูบกลับที่สมบูรณ์เพื่อรองรับพลังงานหมุนเวียน อาจต้องพิจารณาใช้แบตเตอรี่ร่วมด้วย เพราะในช่วงเวลาที่ไฟฟ้าจากโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน เช่น พลังงานแสงอาทิตย์ และพลังงานลม หายไปจากระบบอย่างกะทันหัน แบตเตอรี่จะจ่ายไฟฟ้าเข้ามาแทนในระบบได้ก่อนที่โรงไฟฟ้าพลังน้ำแบบสูบกลับจะผลิตไฟฟ้าได้ (กรุงเทพธุรกิจ, 2 ธ.ค. 2562)