ข่าวเศรษฐกิจ
ตามที่กรมธุรกิจพลังงาน กระทรวงพลังงาน ได้มีหนังสือถึงผู้ค้าน้ำมันตามมาตรา 7 ลงวันที่ 12 ตุลาคม 2564 เพื่อให้รับทราบการปรับเพิ่มอัตราสำรองน้ำมันเชื้อเพลิงจาก 4% เป็น 5% และอัตราสำรองก๊าซปิโตรเลียมเหลว (LPG) จาก 1% เป็น 2% โดยให้มีผลบังคับตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2565 เป็นต้นไปนั้น ผู้ค้าน้ำมันส่วนใหญ่เห็นว่าการเพิ่มสำรอง LPG เป็น 2% จะทำให้มีต้นทุนในการเพิ่มสำรองก๊าซจากเดือนละ 32,745 ตัน เป็นเดือนละ 65,491 ตัน คิดเป็นมูลค่าที่เพิ่มขึ้นกว่า 1,113 ล้านบาท (คำนวณจากราคาก๊าซหน้าโรงกลั่นที่กิโลกรัมละ 17 บาท และคาดการณ์ปริมาณการใช้ LPG ปี 2564 ราว 3.27 ล้านตัน) นอกจากนี้ ในรายที่ต้องสร้างถังหรือคลังก๊าซสำรองเพิ่มจะมีต้นทุนราว 10 ล้านบาทต่อปริมาณการจัดเก็บก๊าซ 100 ตัน หรือต้องมีค่าใช้จ่ายในการเช่าคลังเพิ่มขึ้น ซึ่งหากผู้ประกอบการต้องแบกรับภาระที่สูงขึ้น ก็มีความเป็นไปได้สูงที่ราคาก๊าซ LPG ตั้งแต่ปี 2565 จะปรับขึ้นอีกกิโลกรัมละ 1 บาท ซึ่งจะกระทบต่อประชาชนผู้ใช้ก๊าซ ดังนั้น ผู้ค้ามาตรา 7 หลายรายจึงร่วมกันทำหนังสือถึงกรมธุรกิจพลังงานเพื่อขอให้ทบทวน และยกเลิกประกาศ เพราะนอกจากจะเพิ่มภาระค่าใช้จ่ายและต้นทุนแล้ว ยังไม่เหมาะสมกับสถานการณ์และภาวะเศรษฐกิจที่ได้รับผลกระทบจาก COVID-19 (ฐานเศรษฐกิจ, 18-20 พ.ย. 2564)