ข่าวเศรษฐกิจ
หอการค้าไทย และสมาคมผู้ผลิตอาหารสำเร็จรูป เปิดเผยว่า เหลือเวลาอีกไม่ถึง 1 เดือนที่ข้อตกลงหุ้นส่วนเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (RCEP) จะเริ่มมีผลบังคับใช้ ผู้ประกอบการไทยจึงควรเร่งสร้างความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับกฎเกณฑ์ทางการค้า แต้มต่อจากการใช้สิทธิประโยชน์จาก RCEP ควบคู่ไปกับการศึกษาพฤติกรรมผู้บริโภคในตลาด RCEP เพื่อวางกลยุทธ์ทางธุรกิจและแผนพัฒนาสินค้า ทั้งนี้ RCEP จะส่งผลให้มีสินค้าที่ได้ประโยชน์เพิ่มขึ้นจากความตกลงเดิมที่มีอยู่แล้วรวม 653 รายการ แบ่งเป็นจากจีน 33 รายการ อาทิ สับปะรดแปรรูป และน้ำมะพร้าว ญี่ปุ่น 207 รายการ อาทิ สินค้าประมง ผัก-ผลไม้ปรุงแต่ง แป้งสาคู น้ำมันถั่วเหลือง กาแฟคั่ว น้ำผลไม้ และเกาหลีใต้ 413 รายการ อาทิ ผัก-ผลไม้แปรรูปและไม่แปรรูป น้ำมันที่ได้จากพืช ของปรุงแต่งจากธัญพืช แป้งมันสำปะหลัง นอกจากนี้ ไทยยังได้ประโยชน์จากการใช้แหล่งวัตถุดิบได้หลากหลายขึ้น เนื่องจาก RCEP มีมาตรการแหล่งกำเนิดสินค้าสะสมที่ยืดหยุ่นขึ้น
สำหรับในช่วง 9 เดือนแรกปี 2564 การค้าระหว่างไทย-RCEP มีมูลค่า 7.19 ล้านล้านบาท เฉพาะในส่วนของสินค้าอาหารมีมูลค่า 786,267 ล้านบาท ขยายตัว 15% แบ่งเป็นไทยส่งออกสินค้าอาหารไป RCEP มูลค่า 600,269 ล้านบาท ขยายตัว 16% ไทยนำเข้าสินค้าอาหารจาก RCEP 185,997 ล้านบาท ขยายตัว 12% ทำให้ไทยได้ดุลการค้า 414,272 ล้านบาท โดยสินค้าอาหารหลักที่ไทยนำเข้า คือ ธัญพืช ผลไม้และของปรุงแต่งจากผลไม้ ผักและของปรุงแต่งจากผัก สัตว์น้ำสดแช่เย็น แช่แข็ง แปรรูป และกึ่งสำเร็จรูป ส่วนสินค้าอาหารที่ไทยส่งออก เช่น ผลไม้สด แช่เย็น แช่แข็ง และแห้ง ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง ไก่ ข้าว กุ้ง และปลา (ประชาชาติธุรกิจ, 6-8 ธ.ค. 2564)