ข่าวเศรษฐกิจ

เมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2554 สถานการณ์การชุมนุมประท้วงในอียิปต์ยืดเยื้อเข้าสู่วันที่ 9 และทวีความรุนแรงขึ้น โดยได้เกิดเหตุปะทะกันรุนแรงระหว่างกลุ่มผู้สนับสนุนและกลุ่มผู้ต่อต้านประธานาธิบดี Hosni Mubarak ที่บริเวณจตุรัส Tahrir ในใจกลางกรุงไคโร เมืองหลวงของอียิปต์ ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตจากการปะทะกันอย่างน้อย 3 ราย และบาดเจ็บอีกกว่า 600 คน ซึ่งเหตุปะทะกันดังกล่าวมีขึ้น 1 วันหลังจากที่ประธานาธิบดี Mubarak ได้ประกาศว่าจะไม่ลงสมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีในการเลือกตั้งครั้งหน้า แต่ยังไม่ยอมลงจากตำแหน่งในทันที ขณะที่นานาประเทศได้ออกมาเรียกร้องให้ประธานาธิบดี Mubarak เปลี่ยนผ่านอำนาจในทันที ทั้งนี้ สถานการณ์การชุมนุมประท้วงของประชาชนในอียิปต์ได้ลุกลามไปยังหลายประเทศในตะวันออกกลาง โดยในจอร์แดน กษัตริย์ Abdullah ของจอร์แดนได้เปลี่ยนนายกรัฐมนตรีคนใหม่เมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2554 หลังจากเกิดเหตุประชาชนออกมาชุมนุมประท้วง ส่วนในเยเมน ประธานาธิบดี Abdullah Saleh ได้ประกาศว่าจะลงจากตำแหน่งประธานาธิบดีหลังจากหมดวาระในปี 2556 หลังจากดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีมากกว่า 30 ปี ขณะที่การชุมนุมประท้วงในแอลจีเรียได้ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตจากการปะทะกันกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ อย่างไรก็ตาม มีรายงานว่าแม้ว่าท่าเรือทั้งหมดในอียิปต์ได้หยุดดำเนินการ เนื่องจากขาดแคลนพนักงานและปริมาณเชื้อเพลิงที่มีจำกัด แต่การขนส่งทางเรือในคลองสุเอซยังสามารถดำเนินไปได้ตามปกติ ขณะที่ราคาน้ำมันดิบ Brent ได้ปรับขึ้นเหนือระดับ 100 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล สูงสุดในรอบเกือบ 2 ปี เนื่องจากความกังวลที่ว่าสถานการณ์ความรุนแรงในอียิปต์จะส่งผลต่อการส่งออกน้ำมันในภูมิภาคตะวันออกกลาง (Bloomberg, 3 ก.พ. 2554)