ข่าวเศรษฐกิจ

มาตรการตอบโต้ทางภาษีระหว่างสหรัฐฯ และจีน เริ่มทวีความรุนแรงขึ้น หลังจากสหรัฐฯ เริ่มเก็บภาษีนำเข้าตอบโต้ทางการค้ารอบที่ 2 ซึ่งเริ่มขึ้นเมื่อวันที่ 23 สิงหาคม 2561 ที่ผ่านมา โดยเรียกเก็บภาษีนำเข้าที่ 25% กับสินค้าจากจีนคิดเป็นมูลค่า 1.6 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หลังเก็บภาษีนำเข้ากับสินค้าล็อตแรก 3.4 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ เมื่อเดือนกรกฎาคม 2561 ซึ่งมาตรการรอบล่าสุดนี้ สหรัฐฯ มุ่งโจมตีจีนกรณีทรัพย์สินทางปัญญา โดยเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีน 279 รายการ เน้นที่กลุ่มเซมิคอนดักเตอร์ ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ เคมีภัณฑ์ และเครื่องจักรอุตสาหกรรม ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลจีนตามแผนยุทธศาสตร์ Made in China 2025 ขณะที่จีนตอบโต้ด้วยการเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากสหรัฐฯ ราว 300 รายการ เน้นสินค้ากลุ่มเชื้อเพลิง เช่น ถ่านหิน รวมถึงชิ้นส่วนรถยนต์ และอุปกรณ์ทางการแพทย์ ทางด้านกระทรวงพาณิชย์จีนได้ออกแถลงการณ์คัดค้านการเก็บภาษีของสหรัฐฯ และจะดำเนินมาตรการตอบโต้ที่จำเป็น พร้อมเสริมว่าจีนกำลังยื่นเรื่องฟ้องร้องมาตรการของสหรัฐฯ ต่อองค์การการค้าโลก ทั้งนี้ธนาคารแห่งประเทศไทย ให้ความเห็นว่าเศรษฐกิจไทยยังมีความเสี่ยงจากมาตรการกีดกันทางการค้าและการตอบโต้ทางการค้า โดยผลกระทบของมาตรการชุดแรกเกิดขึ้นบ้างแล้วในกลุ่มแผงโซลาร์เซลล์ และเครื่องซักผ้าที่มูลค่าส่งออกลดลง สำหรับมาตรการรอบใหม่อาจเห็นผลกระทบต่อการส่งออกในช่วงปลายปี 2561 ถึงต้นปี 2562 อย่างไรก็ตาม การกีดกันทางการค้าไม่ได้กระทบต่อการส่งออกอย่างเดียว แต่กระทบต่อการลงทุนของภาคเอกชน เพราะผู้ประกอบการกังวลต่อสถานการณ์การค้าที่มีความไม่แน่นอนสูง ทำให้ตัดสินใจชะลอการลงทุนไว้ก่อน (โพสต์ทูเดย์,24 ส.ค. 2561)