ข่าวเศรษฐกิจ

สมาคมอุตสาหกรรมเครื่องนุ่งห่มไทย เปิดเผยว่า การส่งออกเครื่องนุ่งห่มของของไทยในครึ่งปีแรกของปี 2561 มีมูลค่า 1,206.8 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขยายตัว 2.8% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมูลค่าส่งออกไปสหรัฐฯ ซึ่งเป็นตลาดส่งออกเครื่องน่งห่มอันดับ 1 ของไทย อยู่ที่ 417.4 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขยายตัว 7.3% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เป็นผลจากเศรษฐกิจสหรัฐฯ โดยรวม และการค้าปลีกที่ปรับตัวดีขึ้น สำหรับในช่วงที่เหลือของปีนี้คาดว่าการส่งออกเครื่องนุ่งห่มจะขยายตัวต่อเนื่อง และภาพรวมการส่งออกทั้งปีคาดว่าจะขยายตัวได้ที่ 5% ส่วนหนึ่งเป็นผลจากเศรษฐกิจโลกยังขยายตัว เงินบาทที่อ่อนค่าลงทำให้การส่งออกแข่งขันได้ดีขึ้น ทั้งนี้ เครื่องนุ่งห่มยังไม่อยู่ในกลุ่มสินค้าที่สหรัฐฯ ขึ้นภาษีนำเข้าจากจีนในรอบแรก 1,102 รายการ (เริ่มล็อตแรกมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 6 กรกฎาคม 2561 และล็อตสองมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 23 สิงหาคม 2561) จึงยังไม่อยู่ในกลุ่มสินค้าที่จะได้รับอานิสงส์ส่งออกไปสหรัฐฯ ทดแทนสินค้าจากจีน ซึ่งจะต้องรอว่ากรณีสหรัฐฯ มีแผนจะขึ้นภาษีนำเข้าจากจีนในรอบที่ 2 อีกกว่า 6,000 รายการ ในอัตรา 25% หรืออาจขึ้นภาษีอีกในรอบต่อๆ ไป จะมีสินค้าเครื่องนุ่งห่มอยู่ในรายการที่ถูกขึ้นภาษีนำเข้าหรือไม่ (ฐานเศรษฐกิจ, 16-18 ส.ค. 2561) Note : รายงานจากสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ (สำนักงานทูตพาณิชย์ไทย) ณ นครชิคาโก สหรัฐฯ ระบุว่า จากการที่สำนักงานฯ ได้ตรวจสอบดูรายการสินค้าในบัญชี 6,301 รายการ ที่สหรัฐฯ เตรียมจะขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากจีนในรอบที่ 2 ในอัตรา 25% พบว่าในจำนวนนี้มีสินค้านำเข้าจากจีนรายการสำคัญๆ 16 รายการ มูลค่านำเข้ามากกว่า 1,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในปี 2560 ซึ่งสินค้าในกลุ่มนี้เป็นสินค้าที่ไทยเป็นคู่แข่งกับจีน แม้ว่าไทยจะมีส่วนแบ่งตลาดที่ต่ำกว่าจีนมาก โดยสินค้าทั้ง 16 กลุ่ม ได้แก่ เฟอร์นิเจอร์ พลาสติกและผลิตภัณฑ์ อุปกรณ์ส่วนประกอบคอมพิวเตอร์ สิ่งทอ (ไม่รวมเสื้อผ้าสำเร็จรูป) ทีวีและจอภาพ อุปกรณ์และส่วนประกอบยานยนต์ เครื่องหนังเครื่องเดินทาง เคมีภัณฑ์อินทรีย์ พรินเตอร์ Vealve Taps Cocks (HS8481) สลักภัณฑ์ (นอต สกรู ตะปู บานพับ) อาหารทะเล ตู้เย็น/ฟรีซเซอร์ เตาให้ความร้อนและหุงต้มอาหาร ยางยานพาหนะ และผักผลไม้กระป๋องและแปรรูป ทั้งนี้ จากรายงานข้างต้น จะพบว่าเครื่องนุ่งห่มยังไม่อยู่ในรายการสินค้าที่สหรัฐฯ เตรียมจะขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากจีนในรอบที่ 2 ในอัตรา 25%