ข่าวเศรษฐกิจ

ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวปาฐกถาพิเศษในงานสัมมนา “Thailand Taking off to New Heights” จัดโดย สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) ว่า รัฐบาลต้องการให้นักลงทุนไทยและต่างชาติลงทุนเข้าร่วมลงทุนในโครงการลงทุนขนาดใหญ่ 3 กลุ่ม มูลค่าราว 1 ล้านล้านบาท เพื่อพลิกโฉมระบบเศรษฐกิจไปสู่การปรับเปลี่ยนโครงสร้างเศรษฐกิจให้เติบโตอย่างยั่งยืน ดังนี้ กลุ่มที่ 1 โครงการลงทุนขนาดใหญ่ หรือ Mega Projects ที่จะยกขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศทางด้านกายภาพ อาทิ โครงการรถไฟฟ้าในเขตกรุงเทพและปริมณฑล โครงการรถไฟฟ้าในต่างจังหวัดรวม 4 จังหวัด โครงการรถไฟทางคู่ 10 สาย โครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อมโยงภูมิภาค ได้แก่ เส้นทางเชื่อมภาคตะวันตก-ตะวันออก จากจ.ตาก-จ.มุกดาหาร เส้นทางกรุงเทพฯ-จ.หนองคาย เส้นทางกรุงเทพฯ-หัวหิน รวมถึงโครงการพัฒนาท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ระยะที่ 2 โครงการพัฒนาท่าอากาศยานดอนเมือง ระยะที่ 3 โครงการพัฒนาท่าอากาศยานภูเก็ต ระยะที่ 2 และท่าอากาศยานเชียงใหม่ ระยะที่ 1 รวมถึงโครงการลงทุนด้านพลังงาน ทั้งการสำรวจแหล่งพลังงาน การลงทุนโครงสร้างพื้นฐานก๊าซธรรมชาติ และโครงการลงทุนในโครงข่ายในระบบท่อส่งก๊าซธรรมชาติ เป็นต้น กลุ่มที่ 2 โครงการลงทุนในเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ซึ่งรัฐบาลตั้งใจพัฒนาให้เกิดการเชื่อมโยงระบบโลจิสติกส์แบบไร้รอยต่อในภูมิภาค ทั้งทางบก น้ำ และอากาศ ในพื้นที่ EEC และพื้นที่ใกล้เคียง อาทิ โครงการรถไฟความเร็วสูงกรุงเทพ-จ.ระยอง เชื่อม 3 สนามบิน การยกระดับสนามบินอู่ตะเภาให้เป็นศูนย์กลางและเมืองการบินของภูมิภาค โครงการศูนย์ซ่อมบำรุงท่ากาศยานอู่ตะเภา ระยะที่ 1 และโครงการพัฒนาท่าเรือแหลมฉบัง ระยะที่ 3 โครงการท่าเรือมาบตะพุด ระยะที่ 3 ตลอดจนสนับสนุนโครงการสนับสนุนการลงทุนให้เขตนวัตกรรม และโครงการสมาร์ทโลจิสติกส์ฮับ กลุ่มที่ 3 โครงการลงทุนเพื่อขับเคลื่อนประเทศไทยเข้าสู่ยุคดิจิทัลหรือไทยเเลนด์ 4.0 อาทิ การลงทุนด้านสมาร์ทซิตี้ การลงทุนโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัล การลงทุนพัฒนาดิจิทัลเทรดดิ้ง ล่าสุดรัฐบาลได้ริเริ่มโครงการลงทุนเคเบิลใต้น้ำเชื่อมโยง ไทย ฮ่องกง และจีน เพื่อให้ไทยสามารถเป็นอินเตอร์เนชั่นแนลเกตเวย์ในระดับภูมิภาค (กรุงเทพธุรกิจ, 20 มี.ค. 2561)