ข่าวเศรษฐกิจ

5 บริษัทนำร่องปรับปรุงระบบการผลิตภายใต้แผนคลัสเตอร์หุ่นยนต์

คณะอนุกรรมการเร่งรัดนโยบายเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษรูปแบบคลัสเตอร์เปิดเผยความคืบหน้าในการเร่งผลักดันคลัสเตอร์หุ่นยนต์ โดยมี 5 บริษัทนำร่องในการปรับปรุงระบบการผลิต ได้แก่ - เครือเอสซีจี เตรียมลงทุนระบบจัดเก็บสินค้าและเรียกคืนสินค้าอัตโนมัติ - บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) เตรียมลงทุนระบบจัดเก็บสินค้าและเรียกคืนสินค้าอัตโนมัติ - บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) เตรียมลงทุนเครื่องจักรทดแทนแรงงาน - บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) พัฒนาหุ่นยนต์บังคับใต้น้ำ - บริษัท เควี อิเลคทรอนิกส์ จำกัด เตรียมลงทุนระบบการผลิตอัตโนมัติ โดยการลงทุนของ 5 บริษัท จะช่วยกระตุ้นให้เอกชนรายอื่นลงทุนเพื่อรับสิทธิประโยชน์ และจูงใจให้ผู้ผลิตหุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติเข้ามาลงทุนในไทยมากขึ้น ทั้งนี้ จากการสำรวจผู้ประกอบการไทย พบว่าบริษัทขนาดใหญ่มีความพร้อมปรับเปลี่ยนเป็นระบบอัตโนมัติใน 3 ปี บริษัทขนาดกลางต้องใช้เวลา 3-5 ปี และบริษัทขนาดเล็กต้องใช้เวลามากกว่า 5 ปี โดยปัจจุบันอุตสาหกรรมไทย 85% ยังทำงานด้วยระบบแรงงานคน ส่วนอีก 10% เป็นการทำงานร่วมกันระหว่างเครื่องจักรกับการควบคุมเครื่องจักรด้วยระบบคอมพิวเตอร์ (CNC) และที่เหลือ 5% เท่านั้นที่ใช้ระบบหุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติทุกขั้นตอน สำหรับมาตรการเร่งด่วนที่ช่วยขับเคลื่อนคลัสเตอร์หุ่นยนต์ ประกอบด้วย 1. การสร้างความต้องการใช้ในภาคอุตสาหกรรม (Demand) - มาตรการทางภาษี อาทิ การหักค่าใช้จ่ายหรือหักค่าเสื่อมในอัตราเร่ง/หักค่าเสื่อมเพิ่มขึ้น 3 เท่า เมื่อซื้อระบบอัตโนมัติหรือหุ่นยนต์ (ใช้ชิ้นส่วนในประเทศ 40%) และหักค่าใช้จ่าย 2 เท่า สำหรับการอบรมบุคลากร - มาตรการทางการเงิน ซึ่งจะประสานสถาบันการเงินในการจัดสรรวงเงินสินเชื่อในการปรับปรุงกระบวนการผลิต - มาตรการ BOI สำหรับการปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิต โดยยกเว้นภาษีเงินได้ 3 ปี สัดส่วน 50% ของเงินลงทุน และยกเว้นอากรขาเข้าเครื่องจักร 2. การสนับสนุนให้เกิดการลงทุนอุตสาหกรรมผลิตหุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติ (Supply) - มาตรการ BOI ยกเว้นภาษีเงินได้ 8 ปี ลดหย่อน 50% อีก 5 ปี - กองทุน Fund of Funds เพื่อลงทุนใน Venture Capital ลักษณะ Matching Fund - มาตรการทางเงิน อาทิ โครงการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ - มาตรการทางภาษี อาทิ การปรับโครงสร้างอากรขาเข้าชิ้นส่วนและอุปกรณ์ที่ใช้ในการผลิต การยกเว้นอากรขาเข้ามาทำ R&D /ทดสอบ และหักค่าใช้จ่าย 2 เท่าสำหรับการอบรมบุคลากร (ประชาชาติธุรกิจ, 5-8 พ.ค. 2559)
Related
more icon
  • กกร. ประมาณการ GDP ปี 2565 ขยายตัว 3-4.5 % ส่งออก 3-5%

    คณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจไทยปี 2565 จะขยายตัวได้ในกรอบ 3-4.5% สอดคล้องกับเศรษฐกิจโลกในปี 2565 ที่คาดว่าจะขยายตัว 4-5% รวมทั้งคาดการณ์การส่งออกในปี 2565 ว่าจะขยายตัวในกรอบ 3-5% จากการฟื้นต...

    calendar icon09.12.2021
  • สรท. ปรับเพิ่มคาดการณ์ส่งออกปี 2564 เป็นขยายตัว 15%

    สภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (สรท.) ปรับเพิ่มคาดการณ์การส่งออกของไทยในปี 2564 จากเดิมที่คาดว่าจะขยายตัว 12% เป็น 15% และคาดการณ์การส่งออกปี 2565 ขยายตัว 5-8% (ณ เดือนธันวาคม 2564) โดยมีปัจจัยเสี่ยงที่เป็นอุปสรรคสำ...

    calendar icon08.12.2021
Most Viewed
more icon
  • เผยรายชื่อโรงพยาบาลเอกชนที่สั่งซื้อวัคซีนป้องกัน COVID-19 จากบริษัทต่างชาติ

    แหล่งข่าวจากวงการโรงพยาบาลเอกชนเปิดเผยว่า ขณะนี้โรงพยาบาลเอกชนหลายแห่งต้องการสั่งซื้อวัคซีนป้องกัน COVID-19 จากบริษัทผู้พัฒนาต่างชาติ (ที่นอกเหนือจากของ AstraZeneca อาทิ Moderna) เพื่อหวังจะนำวัคซีนดังกล่าวมาให้บริการแก่...

    calendar icon08.01.2021
  • เอกชนรุกลงทุนโรงพยาบาลใหม่

    สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (สผ.) เปิดเผยว่า ในช่วงที่ผ่านมามีโรงพยาบาลเอกชนหลายแห่งทยอยยื่นรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) เพื่อขออนุญาตดำเนินโครงการ ทั้งโครงการใหม่และส่วนต่อขยาย ซึ่ง ...

    calendar icon08.01.2018
  • สมาคมผู้ผลิตไก่ฯ คงเป้าส่งออกไก่เนื้อในปี 2563 ที่ระดับเดิม

    สมาคมผู้ผลิตไก่เพื่อส่งออกไทยได้คงเป้าการส่งออกไก่สดแช่เย็นแช่แข็งและไก่แปรรูปในปี 2563 ที่ปริมาณรวม 9.8 แสนตัน คิดเป็นมูลค่าส่งออก 1.2 แสนล้านบาท แม้สถานการณ์การระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 (COVID-19) ในหลายประ...

    calendar icon13.04.2020
link อื่นๆ
  • Relate Preview
  • Relate Preview
Financial Products