ข่าวเศรษฐกิจ

เมื่อวันที่ 5 มกราคม 2559 ความตึงเครียดระหว่างซาอุดีอาระเบียกับอิหร่านเริ่มบานปลาย หลังจากบรรดาประเทศพันธมิตรของซาอุดีอาระเบียซึ่งประชากรส่วนใหญ่เป็นมุสลิมนิกายสุหนี่ประกาศตัดและลดความสัมพันธ์ทางการทูตกับอิหร่าน เพื่อตอบโต้กรณีกลุ่มผู้ชุมุนมประท้วงชาวอิหร่านบุกโจมตีสถานทูตซาอุดีอาระเบียในกรุงเตหะราน เมืองหลวงของอิหร่าน โดยบาห์เรนและซูดานประกาศตัดความสัมพันธ์ทางการทูตกับอิหร่าน ส่วนสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ลดความสัมพันธ์ทางการทูต แต่ยังคงทำการค้ากับอิหร่าน ล่าสุดคูเวตได้เรียกเจ้าหน้าที่ทางการทูตประจำกรุงเตหะรานกลับประเทศ ขณะที่ในอิรัก มีผู้ประท้วงชาวมุสลิมนิกายชีอะห์ราว 5,000 คน ไปชุมนุมเรียกร้องให้รัฐบาลอิรักตัดความสัมพันธ์กับซาอุดีอาระเบีย ทั้งนี้ นานาประเทศมีความกังวลในระดับสูงต่อสถานการณ์ในภูมิภาคตะวันออกกลาง และเกรงว่าวิกฤตการทูตที่เกิดขึ้นครั้งนี้จะบานปลายไปอีกหลายปี ซึ่งจะกระทบต่อการเจรจาสันติภาพในซีเรียและเยเมนอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ขณะที่มีรายงานว่าประธานาธิบดี Vladimir Putin ของรัสเซียพร้อมจะเป็นคนกลางเข้าไปช่วยไกล่เกลี่ยวิกฤตความขัดแย้งดังกล่าว (ผู้จัดการออนไลน์, กรุงเทพธุรกิจ, โพสต์ทูเดย์, 6 ม.ค. 2559)