ข่าวเศรษฐกิจ

บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ได้ปรับลดการรับซื้อก๊าซธรรมชาติจากแหล่งในอ่าวไทยและในเมียนมา โดยมีการบริหารจัดการให้ไม่กระทบต่อสัญญาซื้อขายก๊าซฯ ขั้นต่ำที่ ปตท.ได้ทำไว้กับผู้ผลิตก๊าซฯ ในแหล่งดังกล่าว เพื่อไม่ให้มีภาระตามเงื่อนไข Take or Pay ที่ผู้ซื้อต้องชำระค่าก๊าซฯ ในส่วนที่ไม่ได้รับมอบในกรณีที่ไม่สามารถรับก๊าซฯ ได้ครบตามปริมาณขั้นต่ำ ขณะเดียวกันได้จัดทำแผนนำเข้าก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) จากตลาดจร (Spot) เสนอต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) เพื่อนำเข้า LNG ตามสัญญา Spot ที่ปัจจุบันมีราคาต่ำกว่าเข้ามาทดแทน ตามนโยบายของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เนื่องจากปัจจุบันก๊าซธรรมชาติเป็นเชื้อเพลิงหลักในการผลิตไฟฟ้าด้วยสัดส่วนถึง 60%  ทั้งนี้ ปัจจุบัน ปตท. ได้ทำสัญญานำเข้า LNG จากตลาด Spot  จำนวน 4 ลำเรือ ปริมาณราวลำเรือละ 6 หมื่นตัน และนำเข้ามาแล้ว 1 ลำเรือ ส่วนอีก 3 ลำเรือจะเข้ามาในช่วงเดือนพฤษภาคม-มิถุนายน 2563 โดยมีราคาราว 3 ดอลลาร์สหรัฐต่อล้านบีทียู ถูกกว่าราคาก๊าซธรรมชาติในอ่าวไทยและเมียนมาซึ่งผูกกับราคาน้ำมันเตาย้อนหลัง 6-12 เดือน อย่างไรก็ตาม มีรายงานว่า ปตท. พร้อมนำเข้า LNG ตามสัญญา Spot จำนวน 11 ลำเรือในปี 2563 รวม 6.6 แสนตัน ซึ่งหากนำเข้าได้ทั้งหมดจะลดต้นทุนประเทศได้ 4 พันล้านบาท และลดต้นทุนค่าไฟฟ้าได้หน่วยละ 1.5 สตางค์ โดย LNG ที่ ปตท. นำเข้าจะสามารถผสมก๊าซฯ ให้มีคุณสมบัติเหมาะสมทั้งการผลิตไฟฟ้า ใช้ในอุตสาหกรรม และใช้เป็นเชื้อเพลิงสำหรับยานยนต์ (NGV) (สำนักข่าวอินโฟเควสท์, 24 เ.ม.ย 2563)